ความผิดอาญาที่เอกชนเป็นผู้กระทำ

ความผิดฐานตกลงร่วมกันในระหว่างผู้เข้าเสนอราคาโดยทุจริต (มาตรา ๔)

ผู้ใดตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ

  • โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม หรือ
  • โดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ
  • โดยเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปีและปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอ ราคาสูงสุดในระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดนั้น หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ผู้ใดเป็นธุระในการชักชวนให้ผู้อื่นร่วมตกลงกันในการกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ผู้นั้นต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่น

ในการประมูลงานของ อ.บ.ต.แห่งหนึ่ง มีผู้ประสงค์จะเข้าเสนอราคาจำนวน ๔ คน คือ นายหนึ่ง นายสอง นายสาม นายสี่ และทั้ง ๔ คนได้ตกลงกันว่าให้นายหนึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด โดยนายสอง นายสาม นายสี่ จะเข้าเสนอราคาด้วยแต่จะเสนอในราคาที่สูงกว่าที่นายหนึ่งเสนอ เพื่อให้นายหนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับ อ.บ.ต. โดยนายหนึ่งตกลงจะจ่ายค่าตอบแทนให้คนละ ๑ ล้านบาท การกระทำของทั้ง ๔ ถือเป็นกาหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม มีความผิดตามมาตรา ๔ แล้ว

๑.๒  ความผิดอาญาฐานให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจให้ร่วมเสนอราคาโดยทุจริต(มาตรา ๕)

ผู้ใด ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ผู้อื่น

  • เพื่อประโยชน์ในการเสนอราคาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะจูงใจให้ร่วมดำเนินการใดๆ อันเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ หรือ
  • เพื่อจูงใจให้ผู้นั้นทำการเสนอราคาสูงหรือต่ำจนเห็นได้ว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้า บริการ หรือสิทธิที่จะได้รับ หรือ
  • เพื่อจูงใจให้ผู้นั้น ไม่เข้าร่วมในการเสนอราคาหรือถอนการเสนอราคา

ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปีและปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอ ราคาสูงสุดในระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดนั้น หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ผู้เรียก รับ หรือยอมจะรับเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อกระทำการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย

ยกตัวอย่างเช่น

กรณีที่ ๑ มีการประมูลงานในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง นาย ก ซึ่งรู้จักกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จึงได้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ให้กำหนดรายละเอียดในการประมูลที่เอื้อประโยชน์แก่นาย ก และกีดกันผู้รับเหมารายอื่น พร้อมกับเสนอจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนเจ้าหน้าที่ ความผิดของนาย ก เกิดขึ้นทันทีที่มีการให้ ขอให้ รับว่าจะให้ โดยไม่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามที่นาย ก ร้องขอเสียก่อน หรือ กรณีที่ ๒ ในกรณีที่มีการประมูลงานในหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง นาย ข ได้รับหน้าที่จากนาย ก ซึ่งเป็นผู้เข้าเสนอราคารายหนึ่ง ให้ติดต่อกับผู้รับเหมารายอื่นให้เสนอราคาสูงกว่านาย ก เพื่อให้นาย ก เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยเสนอจะให้เงินตอบแทนกับผู้รับเหมารายอื่น ความผิดของนาย ข สำเร็จทันทีเมื่อมีการ ให้ ขอให้ รับว่าจะให้ โดยไม่ต้องรอให้ผู้รับเหมารายอื่นดำเนินการตามที่ตกลง หรือแม้แต่ผู้รับเหมารายอื่นไม่ดำเนินการตามที่ตกลงการกระทำของนาย ข ก็ยังเป็นความผิดอยู่

๑.๓  ความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญให้ร่วมเสนอราคาโดยทุจริต (มาตรา ๖)

ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น

  • ให้จำยอมร่วมดำเนินการใดๆ ในการเสนอราคา หรือ
  • ให้ไม่เข้าร่วมในการเสนอราคา หรือ
  • ให้ถอนการเสนอราคา หรือ
  • ให้ต้องทำการเสนอราคาตามที่กำหนด

โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญด้วยประการใดๆ ให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคาสูงสุดในระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดนั้น หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า

ยกตัวอย่างเช่น

นายเอกข่มขู่นายนายโทไม่ให้เข้าร่วมในการเสนอราคาก่อสร้างอาคารของ เทศบาล โดยขู่ว่าถ้าเข้าร่วมเสนอราคาจะถูกยิงทิ้ง ถ้านายโทกลัวจนยอมปฏิบัติตาม นายเอกมีความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญให้ร่วมการเสนอราคาโดยทุจริต แต่ถ้านายโทไม่ยอมตามที่ขู่ นายเอกก็มีความผิดเพียงแค่พยายามเท่านั้น

๑.๔  ความผิดอาญาฐานใช้อุบายหลอกลวงเพื่อมิให้ผู้อื่นเข้าเสนอราคาหรือเสนอราคาโดยหลงผิด(มาตรา ๗)

ผู้ใดใช้อุบายหลอกลวง หรือกระทำการโดยวิธีอื่นใด เป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปีและปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอราคาสูงสุดในระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดนั้น หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า

ยกตัวอย่างเช่น

นายเสือทราบว่าเทศบาลแห่งหนึ่งจะมีการประกวดราคา จึงได้ปลอมเอกสารแจ้งการประกวดราคาส่งให้นายสิงห์คู่แข่ง เมื่อนายสิงห์ได้รับจึงหลงเชื่อเป็นเหตุให้หลงผิดในการกำหนดราคาการยื่นประกวดราคา การกระทำของนายเสือจึงเป็นความฐานใช้อุบายหลอกลวงเพื่อมิให้ผู้อื่นเข้าเสนอราคาหรือเสนอราคาโดยหลงผิด

๑.๕  ความผิดฐานเสนอราคาที่สูงหรือต่ำเกินปกติจนไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาได้(มาตรา ๘)

ผู้ใดโดยทุจริต

  • ทำการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำมากเกินกว่าปกติจนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือ
  • เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ

โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและการกระทำเช่นว่านั้น เป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปีและปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอ ราคา หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าวผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐนั้นด้วย ในการพิจารณาดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ถ้ามีการร้องขอให้ศาลพิจารณากำหนดค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องรับภาระเพิ่มขึ้นให้แก่หน่วยงานของรัฐตามวรรคสองด้วย

ยกตัวอย่างเช่น

ในการประมูลงานก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งประกาศราคากลาง ไว้ที่ ๑๐๐ ล้านบาท แต่นายดำยื่นประกวดราคา ๔๐ ล้านบาทซึ่ง ต่ำกว่าผู้ประกวดราคารายอื่น ต่อมาเมื่อดำเนินการตามสัญญาปรากฏว่าไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ ถ้านายดำรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำกว่าปกติจนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นตามลักษณะของการก่อสร้างอาคารนายดำมีความผิดฐานเสนอราคาที่สูงหรือต่ำเกินปกติจนไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาได้

๑.๖  ความรับผิดของผู้แทนนิติบุคคลในกรณีมีการกระทำความผิดที่เป็นประโยชน์ต่อนิติบุคคล (มาตรา๙)

ในกรณีที่การกระทำความผิด เป็นไปเพื่อนิติบุคคลใด ให้ถือว่า หุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้น หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลในเรื่องนั้น เป็นตัวการร่วมในการกระทำผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดนั้น