หลบหนีการปล่อยชั่วคราว มีผลอย่างไร?

ในการดำเนินคดีอาญา เมื่อตำรวจจับผู้ต้องหาหรือจำเลยมาแล้ว จะมีการควบคุมตัวที่สถานีตำรวจไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง นับแต่เวลาที่นำตัวผู้ต้องหามาถึงสถานีตำรวจ ถ้าพ้นเวลาดังกล่าวหากมีความจำเป็นต้องควบคุมตัวไว้ต้องไปขอฝากขังต่อศาล เมื่อมีการฟ้องคดีแล้วและดำเนินกระบวนพิจารณาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ศาลมีอำนาจขังจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณาได้หากมีความจำเป็นที่จะต้องขังไว้ เช่น เห็นว่า จะหลบหนี จะก่อเหตุร้ายหรือจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ความจำเป็นในการควบคุมตัวของตำรวจ หรือการขังระหว่างสอบสวนหรือระหว่างการพิจารณานั้น เพราะต้องการเอาตัวผู้ถูกกล่าวหาไว้เพื่อมารับฟังการแจ้งข้อกล่าวหา ในชั้นสอบสวน การถามคำให้การ หรือเพื่อรับฟังคำฟ้องและรับฟังกระบวนพิจารณาคดี อันจะทำให้สามารถทราบว่าตนถูกกล่าวหาว่าอย่างไร และสามารถต่อสู้หรือยกข้อเท็จจริงที่จะทำให้ศาลเห็นว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ได้ ในทางตรงกันข้ามการที่ต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เป็นความเสี่ยงที่คนบริสุทธิ์แต่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดจะต้องถูกจำกัดเสรีภาพ และเมื่อผลของการพิจารณาและพิพากษาของศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้กระทำความผิด การที่ถูกควบคุมไปก็จะเป็นการที่ทำให้ผู้นั้นได้รับความเสียหาย จากการที่ถูกจำกัดเสรีภาพ ในระหว่างการดำเนินคดีอาญา และเป็นการจำกัดการดำเนินชีวิตหรือการทำงานระหว่างที่ถูกขังได้ ดังนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงมีมาตรการผ่อนคลายในการขัง โดยการให้ปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันหรือมีหลักประกันหรือมีประกันและหลักประกันด้วยก็ได้ เพื่อให้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตปกติ และเมื่อพนักงานสอบสวนหรือศาลต้องการให้มาร่วมในการดำเนินคดีจึงจะเรียกตัวมา

ด้วยเหตุนี้ การปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนและการพิจารณาพิพากษาคดี จึงเป็นหลัก และหากเห็นว่าจะหลบหนี จึงจะควบคุมตัวไว้ หรือปล่อยชั่วคราวโดยมีเงื่อนไขบางประการที่จะป้องกันมิให้หลบหนี เช่น ห้ามออกนอกประเทศ หรือห้ามออกนอกบริเวณที่กำหนดโดยมีเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic monitoring) เป็นต้น แต่ถ้าพนักงานสอบสวนหรือศาลนัดให้มาที่สถานีตำรวจหรือศาลแล้ว หากผิดนัดไม่มาโดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือได้ว่าเป็นการผิดสัญญาการปล่อยชั่วคราว จึงต้องมีการบังคับค่าปรับตามสัญญาประกันตัวในฐานผิดสัญญาประกันตัว และถ้าไม่มีการใช้เงินค่าปรับตามสัญญาประกัน ก็จะมีการบังคับชำระค่าปรับจากหลักประกันที่วางไว้หรือจากทรัพย์สินอื่นของผู้ขอประกัน

การหลบหนีไม่มาตามนัดของพนักงานสอบสวนหรือศาลของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวไปนั้น ถือเป็นการผิดสัญญาประกัน ผู้ประกันตัว ต้องชำระค่าปรับตามสัญญาประกัน หากไม่ชำระ พนักงานสอบสวน หรือศาลที่เป็นผู้อนุมัติให้ปล่อยชั่วคราวมีสิทธิบังคับค่าปรับตามสัญญาประกัน เพียงแต่ การบังคับตามสัญญาประกันของพนักงานสอบสวนต้องฟ้องต่อศาลเพื่อบังคับตามสัญญา ส่วนการผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลที่ให้อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวสามารถบังคับค่าปรับได้ทันทีโดยไม่ต้องฟ้องบังคับเป็นอีกคดีหนึ่ง ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๙

ประเด็นต่อไปคือ การที่ไม่ได้ตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาตามที่เรียกนี้ จะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ได้ตัวมา เพราะเป้าหมายของการดำเนินคดีอาญา คือ การมีตัวผู้ต้องหา หรือจำเลยเพื่อร่วมในการดำเนินคดี และหากไม่ได้ตัวมาฟ้อง อาจทำให้คดีขาดอายุความได้ หรือถ้ามีตัวมาฟ้องแล้ว แต่มีการหลบหนีไปในระหว่างการพิจารณา ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณากำหนดให้กระทำต่อหน้าจำเลย ศาลจะดำเนินการสืบพยานไม่ได้ ให้ต้องเลื่อนคดีต่อไป คดีอาญาจึงเกิดความล่าช้า และไม่อาจดำเนินคดีต่อไปได้ เกิดปัญหาคดีค้างพิจารณา ตัวผู้เสียหายก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเป็นคดีที่ผู้เสียหายมีสิทธิได้รับค่าทดแทนอันเกิดจากการที่จำเลยกระทำความผิด ซึ่งผู้เสียหายสามารถเรียกร้องได้ ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ หรือการสั่งคำขอให้ริบทรัพย์อันเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ได้ฟ้องนั้น